จากเนื้อเรื่องโดยย่อของเรื่อง มอร์ทัลคอมแบท ที่เปิดเผยออกมานั้น แฟน ๆ ของวิดีโอเกมตัวนี้ก็น่าจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภาพยนตร์จากเกมต่อสู้นี้แล้ว เมื่อทางทีมงานได้ตัดสินใจเปลี่ยนบทบาทของทางฉางซุงจากเดิมที่เป็นพ่อมดสายเวทย์ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นจักรพรรดิแทน ซึ่งจะถือว่าเป็นการแทนที่ตัวละครวายร้ายอีกตัวอย่างเฉาคาห์นเลยนั่นเอง โดยผลงานเรื่องนี้เตรียมจะออกฉายในช่วงเดือนเมษายนของปีนี้และได้ทางเจมส์ วานมาเป็นผู้อำนวยการสร้างกับไซม่อน แมคควอยด์มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับในเรื่องนี้                ด้วยความที่ มอร์ทัลคอมแบท เป็นเกมที่วางจำหน่ายออกมาหลายภาคก็ทำให้พวกเขาได้มีตัวละครร้ายอยู่มากมายตลอดเกมที่ออกมาเป็นภาคหลักถึง 11 ตัวด้วยกัน โดยตัวละครที่เคยถูกสร้างขึ้นมาก็มีทั้งพ่อมดต่าง ๆ นินจา สัตว์เลื้อยคลาน ปีศาจ ทหาร หุ่นยนต์และแม้แต่เทพเจ้าก็เคยถูกนำมาสานต่อเรื่องราวแล้วเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามตัวละครที่แฟน ๆ น่าจะคุ้นตามมากที่สุดก็จะหนีไม่พ้นทางฉางซุงกับเฉาคาห์นนั่นเอง ซึ่งทางฝ่ายแรกก็เป็นหัวหน้าพ่อมดจากเอท์เวิลด์ ส่วนอีกคนก็เป็นผู้นำของโลกพวกเขาและมักจะต้องมีเรื่องให้ร่วมมือกันในบางภาคอีกด้วย ในภาพยนตร์เรื่อง มอร์ทัลคอมแบท นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวละครทั้งสองออกไป จากการที่พวกเขาได้เปิดเผยเรื่องย่อไว้ว่า ทางนักสู้ศิลปะป้องกันตัวอย่างโคล ยัง ผู้มักจะรับคำท้าการต่อสู้เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง แต่ยังไม่รู้ตัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับตัวเอง ส่วนทางจักรพรรดิอย่างฉางซุงก็ได้ส่งนักรบที่เก่งกาจของตัวเองอย่างซับซีโร่ออกมาเพื่อตามล่าโคลในเวลาต่อมา ซึ่งตามที่ทางบริษัทได้โพสต์เอานั้นก็หมายความว่า ฉางซุงจะเปลี่ยน…

เป็นความรู้สึกที่คงจะบอกไม่ถูกเช่นกัน สำหรับทางผู้กำกับอย่างดัก ลิแมน ที่ได้ออกมาแสดงความเห็นที่ภาพยนตร์ของสายลับอย่างเจมส์บอนด์ได้นำบทที่ใกล้เคียงกับผลงานของเขาอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งย้อนไปในภาคแรกอย่างบอร์นไอเดนติตี้นั้น พวกเขาก็ได้ทางแมตต์ เดมอนมาทำหน้าที่เป็นตัวเด่นของเรื่อง ในฐานะสายลับที่จำเป็นต้องกลับมาฟื้นฟูความทรงจำของตัวเอง ก่อนที่จะมีภาคต่อออกมาถึง 5 ภาคด้วยกัน แต่ทว่าจากเรื่องราวหลาย ๆ ภาคของสายลับทั้งสองนั้นก็ทำให้คนเริ่มนำมาเปรียบเทียบกันว่ามีความคล้ายคลึงอย่างมากเลยทีเดียวจากการสัมภาษณ์ของทางดัก ลิแมน กับทางสแลชฟิล์มนั้น เจ้าตัวก็ออกมาแสดงความเห็นว่า เขาต้องการจะทำภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์มาโดยตลอด แต่ทว่าในช่วงระยะหลังนั้นทางสตูดิโอไม่ได้มีแผนจะจ้างผู้กำกับชาวอเมริกันเข้าไปทำหน้าที่นี้ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อไม่น้อยที่ผลงานของเขาอย่างเจสัน บอร์นจะมีอิทธิพลต่อผลงานต่าง ๆ ของ 007 ในระยะหลังเช่นกัน นอกจากนี้ตัวเขายังไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรอีกด้วย ลิแมน น่าจะมีผลโดยตรงต่อการทำภาพยนตร์สายลับของอังกฤษ โดยเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใดว่ากันว่าผลงานของดักลิแมนน่าจะมีผลโดยตรงต่อการทำภาพยนตร์สายลับของอังกฤษอย่างมากเลยทีเดียว เนื่องจากการมาของเจสัน บอร์นนั้นสามารถเชื่อมโยงกับคนในยุคปัจจุบันได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นความดิบเถื่อนและดุดันมากกว่าเดิม จนกระทั่งทางผลงานของบอนด์ได้ทางเดนเยล เคร็กมารับบทบาทพร้อมกับเปลี่ยนโฉมหน้าของเฟรนไชส์นี้ไปเลย พร้อมกับเป็น ภาพยนตร์ ฟอร์มยักษ์ที่นำเสนอในด้านที่มืดกว่าเดิม โดยเฉพาะภาคอย่างสกายฟอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลของพวกเขานั่นเองทางดักลิแมนเองก็คงจะภูมิใจไม่น้อยที่ผลงานที่ตัวเองสร้างมาตลอดได้ถูกทางสตูดิโอที่ผลิตเรื่องเจมส์บอนด์ต่างๆ นำเรื่องที่คล้ายๆ กันไปสานต่อ…

เป็นการยืนยันแล้วจากทางนักแสดงนำของเรื่อง ครีดสาม ว่า พวกเขาจะได้ทางไมเคิล บี จอร์แดนมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับนั่นเอง โดยหลังจากที่มีภาพยนตร์เรื่องร็อคกี้บัลโบออกมาฉายครั้งสุดท้ายในปี 2006 นั้น แฟนๆ หลายคนเลยคิดว่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักมวยเลห่านี้น่าจะจบลงไปแล้ว แม้แต่ตัวนักแสดงนำอย่างซิลเวสเตอร์ สตัลโลนเองก็คิดว่าคงไม่มีผลงานต่อไปแล้วเช่นกัน จนกระทั่งทางผู้กำกับอย่างไรอัน คูกเลอร์ได้นำเรื่องราวภาคแยกอย่างครีดมาทำต่อจนประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา                เมื่อภาพยนตร์ภาคก่อน ครีดสาม อย่าง ภาคสองในปี 2018 นั้นได้รับความนิยมไปมากกว่าภาคแรก ซึ่งได้ทางสตัลโลนมาเขียนบทพร้อมกับได้ทางสตีเว่น คาเปิ้ล จูเนียร์มาเป็นผู้กำกับ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการส่งต่อบทบาทตัวเอกจากทางพระเอกคนดังไปสู่นักแสดงรุ่นน้อง พร้อมกับเป็นการบอกลาตัวละครอย่างร็อคกี้ที่สร้างชื่อเขามาจนกลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลก ซึ่งการมาของภาคสามนั้นน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ทว่ากลับไม่มีข่าวใดๆ หลุดออกมาเลย จนกระทั่งช่วงต้นปี 2020 ที่ได้ทางแซค เบย์ลินมาทำหน้าที่เขียนบทนั่นเอง ครีดสาม จะได้ทางไมเคิล บี จอร์แดนเป็นผู้กำกับอย่างแน่นอน                จากข่าวลือก่อนหน้านี้ว่าในเรื่องครีดสามจะได้ทางไมเคิล…

แม้ว่าตัวของ คริส ไพน์ จะกำลังโด่งดังจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องวันเดอร์วูแมนทั้งสองภาคก็ตาม แต่ทว่าทางเจ้าตัวกลับคิดว่าตัวเองไม่น่าจะได้อันดับดีนักในการหาคริสยอดเยี่ยมในวงการฮอลลีวูด ซึ่งในกระแสของผู้คนที่ชอบดูภาพยนตร์นั้นต่างพูดถึงว่าใครคือนักแสดงที่ชื่อคริสที่เก่งที่สุดในวงการ หลังจากที่มีทั้งคริส แพทท์ คริส อีแวนส์และคริส เฮมสเวิร์ธที่ต่างเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ต่างๆ รวมถึงในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่อย่างมาร์เวลอีกด้วย จนกระทั่งในสังคมออนไลน์มักจะถกเถียงกันเสมอ                หลังจากที่ทาง คริส ไพน์ ได้มีโอกาสตอบคำถามกับสื่อเรื่องใครเป็นคริสยอดเยี่ยมกันแน่นั้น ทางนักแสดงเรื่องสตาร์เทรคนั้นได้แสดงความเห็นเชิงติดตลกเอาไว้กับทางพิธีกรอย่างโฮโรวิทซ์ที่เรียกเขาว่าเป็นคริสที่ชอบที่สุดอีกด้วย โดยทางคริสมองว่า นักแสดงที่ชื่อเหมือนกับเขานั้นควรจะมาจัดการโต้วาทีกันให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย อีกทั้งยังคิดว่าตัวเขาเองนั้นยังเป็นเหมือนมวยรองในการแข่งขันนี้อย่างแน่นอนเพราะตัวเขาจะได้รับการสนับสนุนจากคนดูมากๆ นั่นเอง ส่วนพวกคริสคนอื่นๆ นั้นจะต้องทำให้เขาเปลี่ยนชื่อตัวเองหรือจะสู้กับเขาให้ได้อีกด้วย คริส ไพน์ ได้มีโอกาสตอบคำถามกับสื่อเรื่องใครเป็นคริสยอดเยี่ยม                ไม่ว่าใครจะเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ตาม แต่ทว่าทางคริส ไพน์นั้นยังถือว่าเป็นนักแสดงที่กำลังมีงานชุกที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้ เนื่องจากตัวเขากำลังจะต้องออกไปโปรโมทภาพยนตร์ใหม่ของตัวเองอย่างเรื่องวันเดอร์วูแมนนั่นเอง โดยจะมีการเข้าฉายทั้งในโรงภาพยนตร์และช่องเอชบีโอแมกซ์ที่เป็นสตรีมมิ่งอีกด้วย ส่วนทางคริสคนอื่นๆ ที่ดังมาจากจักรวามาร์เวลนั้นอยู่ในช่วงที่ต้องหยุดงานไปก่อน ทั้งอีแวนส์เพิ่งจะบอกลาบทกัปตันอเมริกาไป ด้านแพทท์กับเฮิมส์เวิร์ธนั้นยังคงอยู่ในจักรวาลนี้ต่อไปเช่นเคย                เรียกได้ว่าทางคริส…

 ไมเคิล ชีน นักแสดงมากฝีมือชาวเวลส์ ตัดสินใจส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิบริเตนคืนสำนักพระราชวงศ์ของอังกฤษ เพื่อต้องการที่จะวิจารณ์ราชวงศ์อังกฤษได้อย่างเต็มที่ โดยนักแสดงวัย 51 ปี เผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากความตื่นรู้ทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเวลส์และอังกฤษ ที่เจ้าตัวเคยทำวิจัยเพื่อใช้บรรยายในงานวิชาการเมื่อปี 2017               ไมเคิล ชีน นักแสดงเจ้าบทบาทชาวเวลส์ที่เป็นที่รู้จักในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ “แวมไพร์ ทไวไลท์” (Twilight) ให้สัมภาษณ์ผ่านช่องยูทูปของ “โอเวน โจนส์” ผู้สื่อข่าวของ เดอะ การ์เดียน สื่อดังเมืองผู้ดี ว่า เขาตัดสินใจส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิบริเตนคืนสำนักพระราชวงศ์ของอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวต้องการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์และราชวงศ์อังกฤษได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2017 เจ้าตัวเคยทำวิจัยทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเวลส์และอังกฤษ จนพบว่า ไมเคิล ชีน ชี้ การมี “เจ้าชายแห่งเวลส์” ก็เพื่อปราบกบฏชาวเวลส์!…